Last modified กันยายน 5th, 2022 at 11:50 pm
รีวิวหนังx-men ดาร์ก ฟีนิกซ์
เป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่น่าดูมาก สำหรับหนังเรื่อง X-เม็น ดาร์ก ฟีนิกซ์ / X-Men Dark Phoenix ว่ากันที่ตัวโปรเจกต์ Dark Phoenix เองก็ไม่ต่างจากนกฟีนิกซ์ที่ดับแล้วเกิดใหม่เท่าใดนัก เพราะหลังประกาศสร้างในปี 2016 (3 สัปดาห์ก่อนภาค Apocalypse ออกฉาย) ดูหนังฟรี หนังก็ต้องเผชิญกับอภิมหากาพย์การถ่ายซ่อมจนเลื่อนวันฉายกันมาถึง 3 ครั้ง
จนกระทั่งได้เข้าฉายจริงในสัปดาห์นี้ โดยหนังหยิบยกเหตุการณ์จาก The Dark Phoenix Saga ใน X-Men เล่มที่ 150 ซึ่งถือเป็นอีเวนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมาดัดแปลงเป็นบทหนัง และแม้ว่าเราจะได้เห็นจีน เกรย์กลายร่างเป็นฟีนิกซ์กันมาแล้วบนจอทั้ง X-Men The Last Stand ในปี 2006 หรือจะเป็นตอนท้ายของ X-Men Apocalypse (2016)
แต่ ดาร์ก ฟินิกซ์ จัดว่าเป็นเรื่องแรกที่แสดงให้เห็นพลังด้านไม่ดีของของจีน เกรย์และการรับมือของเธออย่างจริงจังเพื่อให้เห็นทั้งด้านมืดของพลังและความเปราะบางของจิตใจเด็กสาวที่มีอดีตอันเลวร้าย ซึ่งหนังได้ ไซมอน คินเบิร์ก ที่เคยเขียนบทหนังเอ็กซ์เม็นมาตั้งแต่ภาค The Last Stand ยัน Apocalypse (ยกเว้นภาค First Class ที่ผู้กำกับ แมตธิว วอห์น เขียนเอง) มาประเดิมงานกำกับครั้งแรกและยังเขียนบทหนังภาคนี้เช่นเคย
โดยหนังเรื่อง X-Men : Dark Phoenix เต็มเรื่อง นี้จะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์ ในหนัง X-Men: Apocalypse ผ่านไป 10 ปี ทีม X-Men ต้องมาต่อสู้กับศัตรูที่เก่งและน่ากลัว นั่นก็คือ จีน เกรย์ หนึ่งในสมาชิกของทีม ผู้ถูกโจมตีด้วยพลังลึกลับระดับคอสมิคขณะปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ ซึ่งแม้พลังลึกลับนี้จะมอบความแข็งแกร่งแบบไม่จำกัดให้ก็จริง แต่กลับเป็นพลังอันมหาศาลที่แม้แต่ตัวของจีนเองก็ไม่สามารถควบคุมได้
ด้วยเพราะว่าพลังที่มากเกินไปจน ทำให้จีนไม่สามารถรับไว้ได้แล้วระเบิดทุกสิ่งอย่างออกมา และเลวร้ายขนาดกล้าทำร้ายคนที่เธอรักมากที่สุด รวมถึงทำลายหัวใจสำคัญที่รวมทีม X-Men เข้าไว้ด้วยกัน..เมื่อครอบครัวมิวแทนท์เริ่มแตกหักเป็นเสี่ยง ๆ ทุกคนจึงต้องหาทางกลับมาปรองดองกันอีกครั้ง ไม่ใช่แค่เพราะต้องการดึงจิตวิญญานของจีนกลับมา แต่ต้องปกป้องมวลมนุษยชาติจากกองทัพเอเลี่ยน ที่หวังโจมตีและยึดครองทั้งกาแล็กซี่ไปด้วย ส่วนเรื่องราวจะเป็นยังไง ต้องไปรับชมกันต่อใน ดูหนังออนไลน์ นะคับ
สิ่งหนึ่งที่เราได้ดูหนังและสัมผัสได้ใน ตลอดเรื่องของหนัง ‘X-เม็น ดาร์ก ฟีนิกซ์’ คือความสนุกและตื่นเต้นตลอดของหนัง ถึงแม้จะเป็นช่วงที่หนังดำเนินเนื่อเรื่องหรือ มีซีนดราม่าเข้ามาเป็นระยะที่ไม่ได้ทำให้อินอะไร แต่ก็ไม่ได้ทิ้งระยะนาน ทั้งยังมีช่วงแอ็คชั่นช่วงไคลแมกซ์ที่ชวนให้ลุ้นได้พอประมาณ ถือว่าไม่ได้ย่ำแย่อย่างคะแนนเบื้องต้นของชนมะเขือเน่า
แต่ก็มีความขัดแย้งนั้นหน่อย ว่าเหตุผลของการที่ จีน เกรย์ ที่แปรเป็นฟีนิกซ์ มันดูไม่มีเหตุผลมากพอสมควร เธอกลายเป็นกลายซูเปอร์ฮีโร่ที่เปราะบางเกินจะเชื่อได้ และช่วงเวลาของการคลี่คลายก็ดูง่ายดายเกินจะเข้าใจ
แม้แต่บทบางส่วนที่ทำให้เธอต้องปลดปล่อยพลังที่ไร้การควบคุมออกมานั่นก็ดูจงใจเกินไป จนใจไม่อาจจะเชื่อได้ และอาจเป็นที่ตรงนี้ที่ทำให้คะแนนลดลงยวบยาบเยี่ยงนั้น สำหรับผมแล้ว รีวิวหนังซีรี่ย์ ในแฟรนไชส์ X-Men ที่รีบูทล่าสุด ชื่นชอบในสองภาคแรกอย่าง ‘X-Men: First Class’ (2011) และ ‘X-Men: Days of Future Past’ (2014)
หนังพยายามเล่าถึงเหล่าเอเลี่ยนที่มาเยือนเพราะไล่ตามสิ่งที่กลายเป็นหนึ่งเดียวกับจีน พวกมันกลายเป็นตัวร้ายที่แท้จริงในภาคนี้ และทำให้หนังต้องกล่าวถึงแมกนีโตผู้ซึ่งหลบไปปลีกวิเวกอยู่ อันนำมาซึ่งไคลแมกซ์ที่ลุ้นกันมัน แต่วิชวลอะไรๆ อาจจะไม่ได้ตะลึงตามากแต่ก็นับเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของหนัง
อาจเป็นเพราะภาค เดอะ ลาสแสตนด์เป็นภาคที่ 3 ในแฟรนไชส์นี้ ตัวหนังจึงได้รับพลังอารมณ์จากภาคก่อน ๆ มาแล้ว ทำให้เรารู้สึกอินไปกับมันได้ อีกทั้งในการเล่าเรื่องก็ค่อนข้างรวดเร็ว กระชับ และตัดจบได้อย่างลงตัว จนไม่คิดว่าจะมีภาคต่อ แต่ในภาคนี้ รีวิวหนังซีรี่ย์น่าดู ตัวเด่นของเรื่องอย่างจีน เกรย์ซึ่งรับบทโดย โซฟี เทอร์เนอร์(Sophie Turne) เพิ่งจะมีบทบาทใน X-Men Apocalypse
พลังอารมณ์เลยยังสั่งสมมาไม่พอให้เรารู้สึกอินในฐานะแฟนคลับ แต่สำหรับคนดูที่ไม่ใช่แฟนคลับก็อาจจะอินไปกับมันได้ เพราะตัวหนังได้ใส่เหตุผลให้เราจนสามารถเข้าใจได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่นั่นกลับเป็นข้อเสียเช่นกัน เพราะหนังในช่วงแรก ใช้เวลาในการเล่าเรื่องค่อนข้างเอื่อยเฉื่อย
โซฟี เทอร์เนอร์ รับบท จีน เกรย์
เจมส์ แม็กอะวอย รับบท ชาร์ลส์ ซาเวียร์ / โปรเฟสเซอร์ เอ็กซ์
ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ รับบท อีริค เลนเชอร์ / แม็กนีโต้
เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ รับบท เรเว็น ดาร์คโฮล์ม / มิสทีค
ไท เชอริแดน รับบท สก๊อตต์ ซัมเมอร์ / ไซคลอป
อีแวน ปีเตอร์ส รับบท ปิเอโตร แมกซิมอฟ / ควิกซิลเวอร์
โดยหนัง X-เม็น ดาร์ก ฟีนิกซ์ พากย์ไทย แต่ละตัวละครในภาคนี้มีคาแรคเตอร์ที่ออกจะสับสนอยู้บ้าง อย่าง ชาร์ลส์ เซเวียร์ ที่คราวนี้เปิดเรื่องมาก็ใช้อำนาจสั่งการให้เอ็กซ์เม็นออกนอกโลกไปช่วยคนในภารกิจอันตราย พอจีนรับพลังกลับมาก็ดันมาสำนึกผิดทีหลังเหมือนคนเป็นไบโพลาร์ไม่เหลือเค้าศาสตราจารย์ที่ชาญฉลาดและมีเมตตาไว้เท่าใดนัก หรือจะเป็นแม็กนีโต ที่หนังให้ข้อมูลค่ายรวมเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ของเขาน้อยไปหน่อย
ทั้งที่มันถูกใช้เป็นสนามรบในฉากใหญ่ของเรื่อง รีวิวหนังน่าสนใจ รวมถึงเหล่าตัวละครสมทบที่ไม่ได้ขับเคลื่อนเรื่องราวเท่าที่ควร โดยเฉพาะการพูดถึงปัญหาการเมืองร่วมสมัยที่สามารถหยิบจับเหตุการณ์ต่างๆมาเป็นวัตถุดิบชั้นดีได้สบาย ซึ่งตรงนี้แหละที่บทหนังของไซมอน คินเบิร์ก หลงลืมหัวใจของการเป็นหนังอิงการเมืองซึ่งเข้มข้นมากในหนัง 2 ภาคแรกตั้งแต่ปี 2000 รวมถึงการบอกเล่าตัวละครสมทบให้มีความน่าสนใจ มีเลือดมีเนื้อมากกว่านี้ก็จะทำให้บทหนังมีความสมบูรณ์มากกว่าการพยายามยัดบทสรุปสำเร็จรูปให้หนังตามที่ปรากฎ
แต่ไม่ใช่ว่า จะเป็นหนังในตระกูล เอ็ก เม็น ที่ไม่ได้แย่มากนัก ตรงกันข้ามหนังกลับเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นน่าจดจำมากมาย โดยเฉพาะองก์สุดท้ายบนรถไฟที่หนังทำออกมาตื่นเต้นดีมาก หรือจะเป็นดนตรีประกอบที่ได้ ฮานส์ ซิมเมอร์ มาทำเพลงให้จนได้สกอร์ที่ทรงพลังมากๆ ในด้านนักแสดงคงต้องยอมรับว่าหากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกการเลือกโซเฟีย เทอร์เนอร์ มารับบทนำอาจเป็นการตัดสินใจที่ดีในแง่การทำตลาด
แต่กลับขาดเสน่ห์บนจออย่างรุนแรง ยิ่งเรื่องราวของจีน เกรย์ ไม่ได้ประเด็นรักสามเศร้าเหมือนหนังเรื่องก่อนๆ ก็ทำให้จีน เกรย์ดูเป็นตัวละครหลักลอยถูกจูงจมูกง่ายเวอร์ ซึ่งใครคิดจะดู Dark Phoenix อาจต้องทำใจกันสักนิดเรื่องการแสดง การเล่าเรื่อง แต่ถ้าพูดถึงฉากแอ็คชั่น รับรองมันส์..หายห่วงครับ
ชื่อภาพยนตร์: X-Men Dark Phoenix / Dark Phoenix / X-เม็น ดาร์ก ฟีนิกซ์
ผู้กำกับภาพยนตร์: Simon Kinberg
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Simon Kinberg
นักแสดงนำ: James McAvoy, Michael Fassbender, Jennifer Lawrence, Nicholas Hoult, Sophie Turner, Tye Sheridan, Jessica Chastain
ความยาว: 113 นาที
ปี: 2019
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/G, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 6 มิถุนายน 2562
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: 20th Century Fox Film Corporation, Marvel Entertainment