Last modified สิงหาคม 29th, 2022 at 09:37 pm
รีวิวหนังThe Outpostผ่ายุทธภูมิล้อมตาย
สวัสดีคับท่านผู้ชมที่น่ารักทุกท่าน กลับมาเจอกันอีกแล้วนะคับ กับ ผม และ การรีวิวหนังสุดมัน The Outpost ผ่ายุทธภูมิล้อมตาย เรากำลังจะได้ดูอีกหนึ่งหนังที่อิงมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดูหนังออนไลน์ ปฏิบัติการทางการทหารที่ถูกจารึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์กับการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย กับฐานที่มั่นที่เสียเปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ ที่ถูกตั้งฉายาและเรียกว่า “ปากหลุมนรก” ภารกิจที่ต้องตัวรอดจากการถูกลุมร้อมของทหารกล้า 54 นาย
ผลงานการกำกับหนังเรื่องล่าสุดของ “ร็อด ลูรี่” ที่หวนกลับมาลุยงานหนังใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่เบนเข็มหันไปเอาดีกับงานด้านโทรทัศน์มากกว่า ดัดแปลงมาจากหนังสือเชิงสารคดีของ “เจค แท็ปเปอร์” ทีชื่อว่า ‘The Outpost: An Untold Story of American Valor’ ที่อ้างอิงมาจากบันทึกและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในฐานปฏบัติการทางทหารของกองทัพสหรัฐฯ
ซึ่งตัวหนังก็พัฒนาบทมาจากหนังสือชื่อ The Outpost: An Untold Story of American Valor เขียนโดยหัวหน้าผู้สื่อข่าวของ CNN อย่าง เจก แทปเปอร์ ที่เล่าถึงวีรกรรมนรกแตกของ 53 ทหารอเมริกัน (และทหารลัตเวียอีก 2 นาย) ใน สมรภูมิแกมเดช (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น สงครามค่ายคีตติ้ง)
ที่ปฏิบัติการกลางดงเหล่าผู้ก่อการร้ายตาลีบันถึงในซอกเขาชนบทของอัฟกานิสถาน โดยความช่วยเหลือที่ใกล้ที่สุดต้องรอคอยกันกว่า 2 ชั่วโมง และที่สำคัญชัยภูมิที่ตั้งค่ายก็แหกตำรากลยุทธ์ทุกเล่ม เพราะเล่นตั้งอยู่กลางแอ่งกระทะที่โอบล้อมจากภูเขาสูงทุกด้าน เรียกว่าเชิญชวนให้ปิดประตูตีแมวได้เลย
The Outpost ผ่ายุทธภูมิล้อมตาย เต็มเรื่อง สร้างจากเรื่องจริงของกลุ่มทหารอเมริกันที่ถูกส่งไปอยู่ในค่ายกลางหุบเขาในอัฟกานิสถาน ดูหนังฟรี ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ความยาว 123 นาที ถ่ายทอดความจริงที่เกิดขึ้นในค่ายแห่งนั้น ค่ายของทหารกลุ่มเล็กๆ ที่มีจำนวนเพียง 54 นาย ค่ายที่ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจบริการ พวกเขาได้รับมอบหมายมาทั้งๆ ที่รู้ว่างานนี้เสี่ยงอันตรายมากมายเพียงใด
งานนี้มีนักแสดงอย่าง Scott Eastwood (จาก ‘Pacific Rim: Uprising’), Caleb Landry Jones (จาก ‘Three Billboards Outside Ebbing, Missouri’) และ Orlando Bloom (จาก ‘The Lords of the Rings’) ที่หลายคนรู้จักกันดีมาร่วมแสดงนำ
ด้วยที่ตั้งชัยภูมิที่อยู่ท่ามกลางภูเขาล้อมรอบ มองไม่เห็นความได้เปรียบต่อศัตรูแม้สักนิด เป็นเหมือนภารกิจฆ่าตัวตายชัด และในที่สุด วันนั้นก็มาถึง เมื่อกลุ่มตาลีบันราวสี่ร้อยคนบุกจู่โจมจากทุกทาง กลุ่มทหารที่มีอยู่น้อยนิดจำต้องร่วมใจกัน
เป็นหนังที่แทบจะไม่ต้องการสตอรี่หรือพล็อตเรื่องอะไรเลย นอกจากชีวิตประจำวันของเหล่าทหารอเมริกันในค่าย ภารกิจเล็กใหญ่ที่ต้องทำในแต่ละวัน บางอย่างก็ดูบ้าบอและพาตัวเองไปเสี่ยงตายด้วยซ้ำ
The Outpost ผ่ายุทธภูมิล้อมตาย พากย์ไทย ด้วยความที่หนังได้การรีเสิร์ชที่ดีจากหนังสือเป็นทุนอยู่แล้ว รีวิวหนังซีรี่ย์ ประกอบกับความต้องการอุทิศคารวะทหารหาญทุกนายที่สละชีพไปในค่ายแห่งนี้ จึงจำเป็นต้องเล่าย้อนกันไปตั้งแต่ต้นตอปัญหา สมัยที่ ผู้กองคีตติ้ง (ออแลนโด้ บลูม) ดำเนินการสันติภาพโดยเข้าเจรจากับหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ ให้วางอาวุธ
โดยแลกกับการช่วยเหลือเงินทุนเพื่อการพัฒนาด้านการศึกษาและสาธารณูปโภคแก่ชาวบ้าน เรื่อยมาจนเกิดการเปลี่ยนแปลงผู้นำค่ายและทำให้ข้อตกลงของคีตติ้งถูกเมินเฉย และจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างตัวบุคคล เช่นผู้สั่งการ ตลอดจนเหตุผลด้านการเมืองใด ๆ หนังก็ค่อย ๆ ให้เราซึมซับเมฆร้ายที่ตั้งเค้าก่อนเกิดพายุทีละน้อย ๆ จากหนทางสันติภาพและการได้ยุบค่ายกลับบ้าน ก็แปรเปลี่ยนเป็นการดันทุรัง และโศกนาฏกรรมในที่สุด
ซึ่งที่ว่านี้หนังจึงต้องใช้เวลาปูที่มาที่ไปเกือบครึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นทั้งข้อดีคือได้ข้อมูลมาก (ในระดับที่เกือบข้ามเส้นไปเป็นหนังสารคดี) เพื่อให้ผู้ชมตัดสินความถูกผิดกันเอง โดยผู้กำกับก็ใช้จุดแข็งของเซ็ตติ้งมรณะกลางดงศัตรูกับกระสุนที่ไม่รู้จะยิงมาตอนไหน ได้ชวนให้อกสั่นขวัญแขวนอยู่เป็นระยะ
ซึ่งถือว่าทำได้ดี (ถ้าคุณไม่ได้รังเกียจช่วงดราม่ายาว ๆ ในหนังสงครามแอ็กชัน) ..ว่ากันตามตรงจากไม่ค่อยชอบในตอนแรก เมื่อถึงจุดหนึ่ง กลายเป็นชอบวิธีการเล่าตรงนี้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เหมือนได้ศึกษาปัญหาไปพร้อมกัน
The Outpost ผ่ายุทธภูมิล้อมตาย แต่สิ่งที่เป็นแนวคิดสำคัญที่ทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาน่าสนใจ น่าประทับใจ รีวิวหนังซีรี่ย์น่าดู ก็คงเป็นการเล่าเรื่องให้มองเห็น เข้าใจชีวิตและความรู้สึกนึกคิดของเหล่าทหาร โดยที่ไม่ต้องเน้นเล่าให้เป็นเรื่องราว แค่มองเห็นชีวิตประจำวัน ได้ฟังคำสนทนาที่ยิงเข้าใส่กันน้ำไหลไฟดับก็พอจะเก็บเกี่ยวได้แล้วว่าพวกเขาเจออะไรมาบ้างและกำลังเผชิญกับอะไรในค่ายที่เป็นความผิดพลาดมาตั้งแต่เริ่มต้น
การจดจำตัวละครแต่ละตัวในนั้น อาจจะยากสักนิดนึง เพราะพวกเขามีเป็นสิบ ชื่อที่ขึ้นมาเพียงแว้บเดียว และการที่แต่ละคนแต่งตัวด้วยชุดทหารจนมองเหมือนๆ กันไปหมด แถมหน้าตาที่มอมแมมยิ่งทำให้จดจำยากขึ้นไปอีก แต่เรายังดูหนังด้วยความตื่นเต้นได้ หัวหน้าคนแล้วคนเล่าที่เข้ามาปฏิบัติงานกำกับดูแลพวกเขา แล้วก็เสียชีวิตไปเพราะถูกกระสุนยิงใส่ร่าง
หนังไม่ได้บอกอะไรมากนัก ว่าสถานะของทหารอเมริกันกับกลุ่มชาวบ้านแถบนั้นเป็นอย่างไร ดูมีความคลุมเคลืออยู่ไม่น้อย แต่สถานการณ์ช่วงครึ่งหลังที่กลุ่มตาลีบันบุกล้อมทุกทิศทาง ระดมยิงใส่ฐานที่มั่นหนึ่งเดียวของพวกเขา หนังจู่โจมเข้าใส่คนดูด้วยลีลาการเคลื่อนกล้องกึ่งแฮนด์เฮลด์
การถ่ายระยะใกล้ และลองเทค ประกอบกับเสียงปืน เสียงระเบิด ทั้งหมดเสมือนพาผู้คนให้เข้าร่วมอยู่ในเหตุการณ์จริง วิ่งหนีกระสุนกันจ้าละหวั่น เล็งเป้าเข้าหาศัตรูด้วยตาตัวเอง ตัดสินใจออกไปช่วยเหลือเพื่อนทหารด้วยความกล้าหาญ ครึ่งหลังของเรื่องเล่นเอานั่งไม่ติดที่ ใจเต้นระรัวตลอดเวลา นี่แหละสิ่งที่หนังทำให้เรารู้สึก
The Outpost น่าจะเป็นหนังที่อัดแน่นด้วยนักแสดงชายคับจอ แม้ตัวละครจะเยอะแยะเต็มไปหมด รีวิวหนังน่าสนใจ ชนิดที่แม้หนังจะจบลงไปแล้วก็ยังไม่สามารถจดจำใบหน้าทุกคนได้ เพราะหนังเรื่องจะเชิดชูทุกตัวละครที่ล้วนแต่เป็นทหารกล้าที่เคยมีชีวิตอยู่จริง ทำให้ทุกๆ คาแรกเตอร์ย่อมสำคัญเท่ากันทุกบทบาท
แต่ที่โดดเด่นจริงๆ ก็น่าจะเป็น “สก็อตต์ อีสต์วูด” ที่แน่นอนว่าเขายังแสดงบทในลักษณะนี้ได้ค่อนข้างดีและยอดเยี่ยมอยู่แล้ว เขาคือเสน่ห์ส่วนหลักของเรื่อง แม้บทที่เขารับผิดชอบแทบจะไม่มีมิติอะไรเลยก็ตาม ขณะที่ “ออร์แลนโด บลูม” ก็ดูเหมือนจะมาเป็นเพียงส่วนเสริมของหนัง แต่ก็เป็นส่วนที่มีความสำคัญของเรื่องอยู่ไม่น้อย
หนังยังมี “แจ็ค เคซี”, “เทเลอร์ จอห์น สมิธ”, “ไมโล กิ๊บสัน” หรือ “โครีย์ ฮาร์คริกต์” ที่ถ่ายทอดความเป็นชายชาติทหารออกมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี แต่ที่ขยี้บทบาทออกมาได้เด็ดดวงและมีมิติที่สุดก็คงจะเป็นการแสดงของดาราหนุ่มดาวรุ่ง “เคเลบ แลนดรีย์ โจนส์” ที่ต้องแบกรับบทเป็นทหารที่มีผลกระทบจากภาวะทางอารมณ์ เนื่องจากการเผชิญหน้ากับความรุนแรงในสมรภูมิสงคราม เขาเล่นได้เยี่ยมและเล่นได้จริง
ต้องบอกว่า The Outpost เป็นหนังสงครามที่อัดแน่นมาด้วยปฏิบัติการที่ทำให้คนดูต้องลุ้นระทึกและหัวใจเต้มแรงตามภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้า หนังตอบโจทย์คนดูได้เป็นอย่างดี คอหนังสงครามระทึกขวัญประเภทนี้จะต้องถูกใจได้ไม่ยาก ครึ่งแรกอาจจะเบาๆ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกน่าเบื่อ เปลี่ยนโหมดมาสู่ครึ่งหลังที่ใส่ฉากสงครามมาแบบแทบไม่ได้หยุดหายใจ
โดยภาพรวมแล้ว The Outpost ฝ่ายุทธภูมิล้อมตาย นับว่าเป็นหนังที่ดูและจะประทับใจได้ไม่ยาก ด้วยการอ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงมาก่อน หลังดูหนังจบก็สามารถไปรีเสิร์ชค้นคว้าข้อมูลของเหล่าทหารกล้าได้ต่อ หนังมากับสูตรสำเร็จที่ไม่ได้สร้างความแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นอะไร แต่ก็ยังสะใจและระทึกใจกับฉากแอคชั่นที่ทำออกมาได้ดี
ภาพยนตร์เรื่อง: The Outpost / ฝ่ายุทธภูมิล้อมตาย
ผู้กำกับภาพยนตร์: Rod Lurie
ผู้เขียนบท: Paul Tamasy, Eric Johnson
นักแสดงนำ: Scott Eastwood, Caleb Landry Jones, Orlando Bloom
ดนตรีประกอบ: Larry Groupé
ความยาว: 123 นาที
ปี: 2020
แนว/ประเภท: Action, Drama, History , War
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/-, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 5 พฤศจิกายน 2020
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Millennium Media, Perfection Hunter Productions, Screen Media Films