รีวิวหนัง The Man From Toronto ชายจากโตรอนโต : คู่หู คู่ฮา สุดป่วน
หนังแอ็คชั่นสายฮา ภารกิจคู่หูแบบจับพลัดจับผลู เรื่อง The Man from Toronto 2022 : ชายจากโตรอนโต ที่มากับความเกรียนและความฉบหายวายป่วง แฮร์เรลสัน แสดงร่วมกับ เควิน ฮาร์ท และนี่ก็คือผลงานล่าสุดของผู้กำกับ “แพทริค ฮิวจ์ส” จากหนังชุด The Hitman’s Bodyguard ทั้ง 2 ภาค แน่นอนว่าแค่รู้เท่านี้นคุณก็น่าจะพอนึกถึงบรรยากาศของ หนัง-ซีรี่ย์ เรื่องนี้ออกได้บ้างแล้วใช่มั้ย? แล้วก็ใช่…เพราะหนังก็มาพร้อมกับสูตรสำเร็จแบบเดิมที่เขาเคยใช้มาจากผลงานหนังเรื่องก่อน องค์ประกอบก็มาคล้ายเดิม แค่เพียงจากบอดี้การ์ดกับมือปืน มาเป็นเซลล์หนุ่มเห่ยกับนักฆ่าโหด เรื่องราวละวุ่นวายขนาดไหนกันนะ ไปติดตามรับชมหนังเรื่องนี้กันได้แล้ววันนี้ ที่เว็บไซต์ ดูหนังออนไลน์
The Man From Toronto รีวิว ก็คือหนังที่มีสร้างความบันเทิงแบบสูตรสำเร็จโดยเฉพาะ นับตั้งแต่เปิดฉากแรกออกมาในหนัง แทบหาอะไรใหม่ ๆ จากหนังเรื่องนี้ไม่ได้เลย บทหนังค่อนข้างจำเจและใส่สูตรเดิม ๆ ของหนังคู่หูที่เคยเห็นจากหนังเรื่องอื่น ๆ ได้ และซ้ำร้ายเทคนิคงานสร้างต่าง ๆ ก็ค่อนข้างไม่ละเอียด งานซีจีของหนังเรื่องนี้เกือบจะเข้าขั้นเลวร้าย เห็นได้ชัดว่าน่าจะเป็นงานด่วนงานเร่งอยู่ไม่เบาเลย จะว่าไป หนังแนวจับคู่ คนหนึ่งบู๊คนหนึ่งฮาแบบนี้ไม่เคยห่างหายไปจากฮอลลีวูดเลย เรื่องเด่น ๆ ที่พอจำกันได้ก็มี 48 Hrs (1982), Bad Boys (1995), Rush Hour (1998), Shanghai Noon (2000), Cop Out (2000),The Nice Guys (2016), Central Intelligence (2016) และแม้กระทั่งตัวผู้กำกับ แพทริก ฮิวส์ (Patrick Hughes) เองก็เพิ่งผ่านหนังแนวคู่หูอย่าง The Hitman’s Bodyguard ที่เพิ่งมีภาค 2 ออกมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ก็คงเป็นสาเหตุให้เขาเป็นตัวเลือกให้รับหน้าที่กำกับเรื่องนี้
the man from toronto เรื่องย่อ เป็นฉายาของนักฆ่าและนักทรมานเหยื่อรีดข้อมูล รับบทโดย วูดดี้ ฮาร์เรลสัน เขารับงานจากนายหน้าหญิงคนเดิมมากว่า 20 ปี รับบทโดย เอลเล็น บาร์กิน จนเกิดเรื่องผิดคาดในวันหนึ่งเมื่อ โทรอนโตรับงานรีดข้อมูลจากเหยื่อที่กระท่อมหลังหนึ่ง แต่เผอิญที่ เท็ดดี้ แจ็กสัน รับบบทโดย เควิน ฮาร์ต เดินทางมาที่บ้านหลังนี้ก่อนเพราะดูบ้านเลขที่ผิด เข้าใจว่าเป็นกระท่อมที่เขาจะมาพักฉลองวันเกิดให้ภรรยา ทำให้ผู้ว่าจ้างเข้าใจผิดว่าเท็ดดี้เป็นโทรอนโต ซ้ำร้ายไปกว่านั้น FBI บุกบ้านที่เกิดเหตุ
แต่ผู้ว่าจ้างส่งภาพของเท็ดดี้ไปให้หัวหน้าใหญ่เรียบร้อยแล้วว่าบุคคลในภาพนี้คือโทรอนโต FBI จึงบังคับให้เท็ดดี้เป็นสาย สวมรอยเป็นโทรอนโตรับงานต่อเนื่องจากผู้ว่าจ้างเดิม เพื่อทาง FBI จะตามรวบตัวหัวหน้าใหญ่ ขณะเดียวกันโทรอนโตตัวจริงก็ตามสืบจนรู้ตัวตนของเท็ดดี้ และมั่นใจว่าผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างเท็ดดี้ต้องทำแผนการเละไม่เป็นท่าแน่ จึงตามไปในปฏิบัติการที่ 2 เพื่อต้องการเผยตัวตนและทวงงานคืน และทำให้ทราบว่าเบื้องหลังการว่าจ้างครั้งนี้คือแผนการใหญ่ระดับชาติ ถ้าทั้งคู่ปล่อยให้บอสใหญ่ทำตามแผนสำเร็จจะมีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก
น่าเสียดายที่ The Man from Toronto พยายามวางตัวเองให้เป็นหนังแอ็คชั่นเบาสมอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าบรรดามุกตลกที่ปรากฏอยู่ในเรื่องนั้นค่อนข้าง “กริบ” ในส่วนของฉากแอ็คชั่นก็ไม่ได้น่าชวนลุ้นนัก หลาย ๆ ฉากเราเคยเห็นผ่านตามาแล้วในหนังแอ็คชั่นนับไม่ถ้วน แต่ถึงอย่างนั้นยังมีหนึ่งฉากที่เราค่อนข้างชอบคือ ฉากไคลแมกซ์ที่สองตัวเอกต้องปะทะกับเหล่าร้ายในยิมมวยของเจ้านายเท็ดดี้ซึ่งถูกถ่ายทำเป็น “ลองเทค” (Long Take) ยิงยาว ถือว่ามีการออกแบบงานสร้างที่เตรียมคิวบู๊ได้อย่างน่าสนใจ
แต่ทั้งนี้ The Man From Toronto กลับกลายเป็นความบันเทิงที่สามารถตอบโจทย์ผู้ชมได้ตามต้องการ เพราะได้ทีมนักแสดงที่มีพรสรรค์มาช่วยขับเคลื่อนเรื่องราวและหยอดมุกที่ขำบ้าง..ไม่ขำบ้างไปตลอดทั้งเรื่อง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่บทที่ใหม่เลยสักนิดของ “เควิน ฮาร์ต” เราเห็นเขาเคยเล่นหนังแบบนี้มาหลายเรื่องแล้ว มันก็วน ๆ ซ้ำ ๆ อยู่แบบดื่ม แต่อารมณ์ขันและเสน่ห์ทางการแสดงของเขานั้น ก็ยังเป็นจุดเด่นที่่ช่วยประครองหนังเรื่องนี้ไปได้ ต้องบอกเลยว่าผิดคาดมากๆ กับพล็อตหนังตลกสไตล์คู่หูแปลกหน้ามาร่วมภารกิจกัน เป็นพล็อตสูตรสำเร็จที่เกร่อสุดๆ
แต่เรื่องนี้ก็ยังมีอะไรดีๆ หลายอย่างอยู่ในสูตรสำเร็จแบบนี้ได้ อย่างแรกเลยมันคือ หนังที่วางตัวเองให้เป็นแฟรนไชส์ภาคต่อยาวๆ กันแต่แรก ด้วยการเซ็ตโลกจักรวาลนักฆ่าแบบจอห์นวิคแบบอ่อนๆ ที่ตัวละครนักฆ่าตัวเอกใช้รหัสว่า ชายจาก Toronto imovie ตามชื่อเรื่อง แต่ไม่ได้มีเขาเพียงแค่คนเดียว แต่มีนักฆ่ารหัสลับแบบนี้อีกเพียบจากทุกเมืองในโลก ซึ่งโตรอนโตนักฆ่ารุ่นเก๋าที่ดูเก่าไปแล้วในสายตาของนักฆ่าคนอื่นๆ และอยากจะวางมือจากเรื่องนี้ตามสูตร ซึ่งในวงการนี้มันเป็นไปไม่ได้ นี่จึงเป็นหนังที่วางตัวเองเลยว่าทำต่อกันยาวๆ แน่
ด้วยงานโปรดักชั่นลงโรงที่ไม่ใช่หนังทุนต่ำ เรื่องนี้จึงมีฉากแอ็กชั่นระห่ำสนุกๆ หลายฉากอัดแน่นเข้ามาได้เรื่อยๆ เลย มีฉากโลดโผนเว่อร์ๆ ที่ใช้ CG เข้ามาช่วยเยอะ อาจจะไม่เนียนมาก แต่ก็พอมองข้ามได้เพราะฉากพวกนี้มันครีเอทมาเพื่อเป็นมุกตลกมากกว่าจะมาเน้นเนียนไม่ให้คนดูจับผิดได้แบบหนังแอ็กชั่นเต็มตัวก็ไม่ใช่ คือจะมองว่าเป็นหนังสายลับทำภารกิจกันก็ได้ เพราะจริงๆ แล้วเรื่องก็วางในแนวนั้นมากกว่ายิงๆ ฆ่าๆ กันอยู่แล้ว ในเรื่องไม่ได้มีฉากคนตายหรือฉากสมเหตุผลสักเท่าไหร่ เป็นแค่จักรวาลนักฆ่าออ่นๆ ที่เอามาเรียกเสียงฮาโดยเฉพาะมากกว่า
งานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ก็ถือว่าธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีเทคนิคการถ่ายทำอะไรให้ว้าวมากนัก แต่ก็ไม่ได้แย่นะ ฉากแอ็คชั่นต่างๆ ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว ชอบที่ทำฉากแอ็คชั่นแบบวายป่วง แบบสู้ไป ตัวละครของ Kevin Hart กับ Woody Harrelson ก็ทะเลาะกันไปด้วย ฮาดี การโปรดักชั่นต่างๆ ก็ถือว่าดีใช้ได้ แต่งาน CG ยังมีลอยๆ บ้าง แต่ก็คือรับได้เพราะหนังแนวนี้ เน้นความฮาเป็นหลักซะมากกว่า อีกอย่างที่ชอบมากเลยคือ การออกแบบตัวละครนักฆ่า แต่ละตัวมันมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองดี และน่าจดจำอีกด้วย ส่วนนี้ถือว่าเจ๋งเลย สรุปโดยรวมคือ เป็นหนังแอ็คชั่นคอมเมดี้ ที่ดูได้เพลินๆ สนุกใช้ได้ ฮาทั้งเรื่อง ไม่เสียดายเวลาแน่นอน
แม้ว่าในเรื่องนี้จะเน้นหลักอยู่แค่เพียง 2 ตัวละครหลัก แต่ก็ยังมีคาแรกเตอร์สมทบที่น่าสนใจและทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์อยู่รายทาง ไม่ว่าจะเป็น “เคลีย์ คูโอโค”, “เพียร์สัน โฟด”, “เอเลน บาร์กิ้น” หรือ “โทโมฮิซะ ยามาชิตะ (ยามะพี)” ที่มาร่วมสร้างสีสันและสร้างความกลมกล่อมให้กับหนังเรื่องนี้ได้บันเทิงตลอดเกือบทั้ง 2 ชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ เคมีคู่นักแสดงระหว่าง เควิน ฮาร์ต กับ วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน ถือว่าใช้การได้ดีทีเดียว เดิมทีบทดังกล่าวเป็นของ “เจสัน สเตธัม” แต่เพราะแผนงานกระทบจากโควิด ทำให้เขาตัดสินใจถอนตัวไปในนาทีสุดท้าย และได้วู้ดดี้มารับบทแทน ถือว่าเป็นการจับคู่นักแสดงที่ค่อนข้างลงตัว และเป็นการใช้มืออาชีพมาสร้างสรรค์ผลงานหนังตลกแบบไม่มีสาระใด ๆ ออกมาให้ได้บันเทิงและเพลินได้ดี
ประเภท: แอคชั่น / ตลก
ผู้กำกับ: แพทริค ฮิวจ์ส
นำแสดงโดย: เควิน ฮาร์ต, วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน
ความยาว: 100 นาที
กำหนดฉายในไทย: 24 มิถุนายน 2022
ขอแนะนำซีรีส์แนวรักโรแมนติกที่ปนความสนุกฮาขำกลิ้งที่ไม่ควรพลาด สามารถไปรับชมแบบเต็ม ๆ เรื่องได้ที่ รีวิวซีรีส์ King The Land