รีวิวโดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ตอนไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ
กลับมาอีกครั้งกับผมและการรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิว การ์ตูนเรื่อง โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ตอน ไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ เนื่องในโอกาสครบ 50 ปีของการ์ตูนขวัญใจคนทั้งโลก “โดราเอมอน” ที่ถูกสร้างสรรค์เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปมายาวนานถึง 5 ทศวรรษแล้ว แม้จะเปลี่ยนผ่านยุคสมัยแต่ก็ยังคงเป็นการ์ตูนขวัญใจของคนจากรุ่นสู่รุ่น ความนิยมยังไม่เสื่อมคลายเลย และในปีนี้แม้จะเผชิญหน้ากับโควิด-19 แต่เขาก็ยังกลับมาให้โลกได้ชื่นใจใน “Doraemon: Nobita’s New Dinosaur” (โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่ ตอน ไดโนเสาร์ตัวใหม่ของโนบิตะ) กลายมาเป็นภาคที่ 40 ของหนังชุดนี้
Doraemon: Nobita’s New Dinosaur เล่าเรื่องราวของโนบิตะกับไดโนเสาร์ตัวใหม่คู่แฝดสีเขียวและสีชมพู ที่เขาได้ตั้งชื่อว่า คิว กับ มิว โดยทั้งสองตัวมีปีกบินได้ด้วย โนบิตะ และ โดราเอม่อน รวมทั้งผองเพื่อน พากันกลับไปยังยุคไดโนเสาร์ เพื่อผจญภัยและช่วยเหลือไดโนเสาร์ให้รอดพ้นจากยุคแห่งการทำลายล้างโลกและภัยอุกกาบาต ที่อาจจะเป็นการขีดอนาคตให้กับชะตากรรมของโลกในปัจจุบัน
ในปี 2020 นี้ เรียกได้ว่าเป็นวาระที่น่ายินดีของแฟน ๆ โดราเอมอนทั้งในญี่ปุ่นและทั่วโลกครับ เพราะว่าการ์ตูนขวัญใจหนู ๆ น้อง ๆ (และผู้ใหญ่หัวใจอ่อนโยน) เรื่องนี้ มีอายุครบรอบ 50 ปีพอดิบพอดี เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนในตำนานที่อยู่ร่วมสมัยมาอย่างยาวนานหลายรุ่น และการผจญภัยของโดเรมอน โนบิตะ และเหล่าผองเพื่อนก็ยังคงโลดแล่นต่อไปเรื่อย ๆ แม้ว่าผู้ให้ต้นกำเนิดโดราเอมอนอย่างอาจารย์ฟูจิโกะ เอฟ. ฟูจิโอะ จะจากเราไปนานแสนนานแล้ว
โดยเฉพาะในทุก ๆ ปี นอกจากที่เราจะยังคงได้ชมความสนุกผ่านทางจอทีวีแล้ว โดราเอมอนก็ยังออกมาโลดแล่นผ่านจอภาพยนตร์ในรูปแบบของภาพยนตร์เรื่องยาวที่มีมาต่อเนื่องในทุก ๆ ปี และมาถึงปีนี้ ด้วยวาระเวลาที่มาบรรจบกับการฉลองครบรอบ 50 ปีพอดี พี่ม่อนของเราก็ไม่พลาดที่จะพาไปผจญภัยกับ “โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่” ซึ่งภาคนี้เป็นโดราเอมอนในรูปแบบภาพยนตร์ลำดับที่ 40 พอดิบพอดี ดูหนังใหม่
โนบิตะได้ค้นพบไข่ไดโนเสาร์จากนิทรรศการไดโนเสาร์ ก่อนที่จะฟักตัวออกมาเป็นไดโนเสาร์พันธุ์ขนสีเขียว และ สีชมพู ที่โนบิตะตั้งชื่อว่า คิว และ มิว ทั้งสามเริ่มผูกพันต่อกัน ทว่าโลกใบนี้ไม่ใช่โลกที่เหมาะสมกับไดโนเสาร์อย่างคิว และ มิว โดราเอมอน และ ผองเพื่อนจึงขอให้โนบิตะพาคิว และ มิวกลับไปหาพวกที่อยู่ในยุคครีเตเชียส
แต่กลับต้องเผชิญกับดาวหางทำลายล้างที่กำลังจะโคจรเข้ามาใกล้โลกขึ้นทุกที โนบิตะจะสามารถตามหาผองเพื่อน และ ปกป้องคิว และ มิวจากมหันตภัยร้ายครั้งนี้ได้หรือไม่ หรือสุดท้าย ประวัติศาสตร์จะเป็นสิ่งที่ไม่อาจหวนกลับไปแก้ไขซ้ำได้อีกแล้ว
หลายคนอาจจะคุ้นๆ ว่าเนื้อหาของภาคนี้เหมือนกับเคยดูมาแล้ว แต่อันที่จริงเป็นหนังคนละเรื่อง แต่โครงเรื่องอาจจะใกล้เคียงกับภาคไดโนเสาร์ของโนบิตะที่เคยสร้างมาก่อน สำหรับในภาคนี้ยังถือว่าค่อนข้างมีความแข็งแรงของเรื่องราวและหนักแน่นในธีมของหนัง รวมทั้งยังโดดเด่นในการสอดแทรกประเด็นสาระความรู้ที่เหมาะสมกับกลุ่มคนดูของเด็กๆ ได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะการแทรกความรู้เกี่ยวกับเรื่องไดโนเสาร์ภายในหนัง เป็นอีกเสน่ห์ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่หนังทำได้ค่อนข้างดี แม้ว่าโครงเรื่องจะดูง่ายๆ เข้ากับกลุ่มคนดูได้ดี อาจจะมีความไม่สมเหตุสมผลอยู่เต็มไปหมด แต่หนังก็ยังถูกเสริมด้วยความแข็งแรงของคาแรกเตอร์ตัวละครที่สั่งสมบารมีเอาไว้มาอย่างยาวนาน โดราเอมอน หรือ โนบิตะ ยังคงเป็นตัวละครหลักที่มีความแข็งแกร่งในเส้นเรื่อง ทำให้คนดูสามารถคล้อยตามได้อย่างเพลิดเพลิน ดูหนังฟรี
แน่นอนว่า หลายคนเคยประทับใจ และ ซึ้งน้ำตาไหลมาแล้วกับ โดราเอมอน เดอะ มูฟวี่ ตอนไดโนเสาร์ของโนบิตะ (2006) ที่เป็นเรื่องราวของโนบิตะที่ดันบังเอิญไปเจอกับฟอสซิลไข่ไดโนเสาร์ แล้วพอใช้ผ้าคลุมกาลเวลาคลุมฟอสซิล ปรากฏว่าไข่ดันฟักออกมาเป็นไดโนเสาร์ขึ้นมาจริง ๆ โนบิตะเลยตั้งชื่อมันว่า “พีสุเกะ”
แล้วก็ตัดสินใจจะเลี้ยงให้โตเพื่อจะเอาไปข่มไจแอนต์และซึเนโอะ ก่อนที่จะพบว่า การเลี้ยงไดโนเสาร์พันธุ์ “ฟุตาบะซอรัส” อย่างพีสุเกะให้อยู่รอดในโลกปัจจุบันนั้นเป็นไปได้ยากมาก ก็เลยต้องตัดสินใจย้อนเวลากลับไปยุคไดโนเสาร์เพื่อนำพีสุเกะกลับไปยังจุดที่กำเนิดขึ้นมา ซึ่งภาคนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นที่พูดถึงอย่างมาก ดูแล้วน้ำตาไหลกันเป็นแถบ ๆ
และมาในปีนี้ ก็ถือว่าเป็นการสานต่อความสำเร็จนั้น ด้วยการหยิบแก่นเรื่องของการผจญภัยในโลกยุคไดโนเสาร์กลับมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เหตุการณ์ก็ค่อนข้างจะคล้ายกับภาคเก่าอยู่พอสมควรเหมือนกัน คราวนี้โนบิตะดันไปพบกับไข่ฟอสซิลโดยบังเอิญในขณะที่ไปเที่ยวนิทรรศการไดโนเสาร์ โนบิตะก็เลยเอากลับมา แล้วใช้ผ้าคลุมกาลเวลาของโดราเอมอน จนกระทั่งไข่ฟักออกมาเป็นไดโนเสาร์ฝาแฝดน่ารัก 2 ตัว คือ “มิว” ไดโนเสาร์สีชมพูจอมซนที่สามารถบินได้ และ กินเก่ง กับ “คิว” ไดโนเสาร์สีเขียวที่มีร่างกายอ่อนแอ บินไม่ได้ แถมนิสัยยังแอบเหมือนโนบิตะที่ซุ่มซ่ามไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่อีกต่างหาก ซึ่งแน่นอนว่า คิวและมิวก็เติบโตขึ้นมากจนไม่อาจจะเลี้ยงต่อไปได้อีกในยุคปัจจุบัน โดราเอมอน โนบิตะ และ ผองเพื่อนก็เลยต้องพาทั้งคู่ไปส่ง ณ ถิ่นฐานบ้านเกิดของคิวกับมิวในช่วงปลายยุคครีเตเชียส อันถือว่าเป็นช่วงสุดท้ายก่อนที่ไดโนเสาร์สูญพันธ์ุจากเหตุการณ์อุกกาบาตชนโลก ดูหนังใหม่
ประเด็นเรื่องยุคไดโนเสาร์ของหนังที่ใส่เข้ามาก็ถือว่าทำได้ดี โดยเฉพาะเสน่ห์อันน่ารักของเจ้าไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ ที่มีชื่อว่า คิว กับ มิว นับว่าเป็นตัวละครใหม่ที่ทำให้คนดูต้องหลงรัก และ ยังสอดแทรกสาระความรู้เอาไว้ กลายเป็นปมที่เฉลยในตอนท้ายที่ทำให้รู้สึกประทับใจ และ อิ่มเอมใจตามไปด้วย
หนังยังคงแทรกคติสอนใจต่างๆ เอาไว้มากมาย เป็นหนังที่ช่วยสอนเด็กๆ กลุ่มคนดูหนังเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งประเด็นแนวคิด และ ข้อแนะนำการใช้ชีวิต ประเด็นหลายๆ สิ่งของหนังยังคงสะกิดใจ และ กระตุ้นอารมณ์คนดูได้ถึงใจเช่นเดิม นี่จึงเป็นหนังที่เหมาะกับทุกกลุ่มคนดู ไม่ใช่แค่เพียงเป็นหนังที่เหมาะกับเด็กเท่านั้น
และที่สำคัญอีกส่วนก็คือทีมพากย์ไทยของการ์ตูนเรื่องนี้ ทั้งยังสร้างความประทับใจไม่รู้ลืม หากผู้ใหญ่ได้เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ก็รู้สึกเหมือนจะย้อนกลับไปสู่วันวาน เพราะยังนำทีมโดย “ป้านิด-ศันสนีย์ วัฒนานุกล” กับ “ป้าติ๋ม-ฉันทนา ธาราจันทร์” กลับมาให้เสียง โนติบะ กับ โดราเอมอน อีกครั้ง รวมทั้งยังได้ทีมพากย์เสียงที่คุ้นเคยกลับมาอีกครั้ง ดูหนังฟรี
คือจริง ๆ ภาคที่แล้วก็ดูสนุกนะครับ แต่ภาคนี้ ต้องชมว่า ตัวหนังสามารถเล่าปูเรื่อง และตามเก็บเรื่องได้อย่างสนุกสนานและมีความครีเอทีฟ ในสไตล์การเล่าเรื่องแบบโดราเอมอนยุคใหม่ที่เราคุ้นเคยกันดี ทำให้การผจญภัยที่แม้ว่าจะเดินเป็นเส้นตรงและเดาเรื่องได้คล้ายกับภาคที่แล้ว แต่มันถูกนำเสนอผ่านเรื่องราวใหม่ ๆ ผนวกกับงานด้านภาพ 2D และ 3D ที่สามารถทำได้สวยงามกว่าภาคที่แล้ว ทำให้ภาคนี้ดูสนุกขึ้นอีกเป็นกอง
และถ้าใครที่กังวลว่า ถ้ามีสองภาคแบบนี้ จะต้องดูภาคแรกก่อนแล้วค่อยไปดูภาคนี้เพื่อความต่อเนื่อง (และดูรู้เรื่ีอง) หรือไม่ ก็ต้องบอกว่า ทั้งสองภาคนั้นค่อนข้างที่จะแยกจากกันอย่างชัดเจนครับ แทบไม่มีอะไรที่เกี่ยวเนื่องกันเลย จะดูภาคก่อนหน้าแล้วมาดูภาคนี้ หรือจะดูภาคนี้ก่อนเลยก็ย่อมได้ เพราะเส้นเรื่องไม่ได้มีอะไรเกี่ยวเนื่องกันขนาดนั้นครับ และถ้าถามว่า ไหน ๆ ภาคนี้ก็เป็นการสานต่อจากภาคนั้นทั้งที จะไม่มีกลิ่นอายหรือเรื่องราว หรืออะไรที่เกี่ยวเนื่องกับภาคที่แล้วบ้างเลยเหรอ คำตอบก็คือมีครับ แต่จะมีอะไรยังไง อันนี้ขอไม่สปอยล์แล้วกันนะครับ ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่
โดยสรุปแล้ว แม้ว่าเนื้อเรื่องภาคไดโนเสาร์ของโนบิตะ ระหว่างภาคแรก (พีสุเกะ) และภาคนี้ (คิว-มิว) จะมีพล็อตหลักที่แทบจะเหมือนกันมาก ๆ แต่ก็ต้องชื่นชมว่า ด้วยการดำเนินเรื่องที่สนุกสนาน ผูกเรื่องให้ติดตามและเอาใจช่วยไปได้เรื่อย ๆ และการปู-เก็บกลับสไตล์โดราเอมอน ก็ต้องบอกเลยครับว่า โดราเอมอน เดอะมูฟวี่ ภาคที่ 40 นี้ เป็นภาคที่พ่อแม่ ครอบครัว หนู ๆ น้อง ๆ จะได้สนุกสนานไปกับการผจญภัยของโดราเอมอน โนบิตะ และผองเพื่อนอีกครั้ง สมกับเป็นภาพยนตร์เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของโดราเอมอนได้อย่างแน่นอนครับ