รีวิวการ์ตูนดาบพิฆาตอสูร Demon slayer ศึกรถไฟสู่นิรันดร์
มาพบกันอีกครั้งกับผม และ การรีวิวหนังสุดมัน วันนี้ผมจะมารีวิวการ์ตูนเรื่อง ดาบพิฆาตอสูร Demon slayer ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ฉายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับเนื้อหาตอนพิเศษในดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ซึ่งเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามาส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวข้องกับคุณเรนโงคุ เคียวจูโร่ ผู้ที่เป็นถึงเสาหลักเพลิงแห่งหน่วยนักล่าอสูร
ซึ่งเนื้อหาที่เพิ่มเข้ามาจะทำให้เราเห็นถึงความอบอุ่น ความแข็งแกร่งของตัวเคียวจูโร่ ซึ่งต้องบอกว่าอนิเมะเรื่องนี้นั้นมันก็ไม่ได้มีดีแค่บทบาทของเสาหลังเพลิงเท่านั้น ยังมีอีกหลาย ๆ ส่วนเลยที่น่าประทับใจ และ วันนี้เราเลยจะมาขอรีวิวอนิเมะ ดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์
ด้วยข้อมูลในตอนนี้ที่หนังยังไม่ลาโรงในบ้านเกิด หนังก็เป็นเจ้าของสถิติรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 3 ในญี่ปุ่น เป็นรองเพียงหนังดังอย่าง Spirited Away และ Titanic เท่านั้น น่าจะทำให้หนังแอนิเมะเรื่องนี้ไปไกลกว่าแค่หนังเด็กธรรมดา และ จำเป็นต้องพินิจมันอย่างหนังเรื่องหนึ่งที่กระแทกไหล่หนังคนแสดงชั้นดีได้ด้วย ดูหนังใหม่
Kimetsu no Yaiba หรือรู้จักกันดีในไทยในชื่อ ดาบพิฆาตอสูร เดิมเป็นผลงานมังงะที่ลงในนิตยสารเด็กผู้ชายยอดนิยมอย่าง จัมป์รายสัปดาห์ ที่ก่อให้เกิดกระแสความฮิตเกินคาดด้วยยอดขายในฉบับหนังสือรวมกว่า 44 ล้านเล่ม และ มียอดขายไลท์โนเวลทั้ง 2 เล่มรวมถึง 1.2 ล้านเล่ม ด้านเพลงเปิดซีรีส์เองก็ฮิตมากเช่นกัน เพราะเพลง Gurenge ก็ทำยอดจำหน่ายแผ่นไปกว่า 100,000 ก็อปปี้ด้วย
เรียกว่าคอนเทนต์ของดาบพิฆาตอสูรจะไปจับสื่อใดก็คะเนความสำเร็จได้ไม่ยากเลย ไม่แปลกที่ทางญี่ปุ่นเองจะรีบสานต่อความดังหลังจากแอนิเมะซีรีส์ในซีซันแรกได้จบลงพร้อมคำวิจารณ์ที่ดีมาก ๆ (Rotten Tomatoes 100% และ IMDb 8.7/10) ด้วยการเดินเนื้อหาต่อเนื่องทันทีในฉบับหนังโรง แบบไม่ต้องรอซีรีส์ซีซัน 2 แต่อย่างใด
เดิมทีในเดอะมูฟวี่ก็จะเปิดเรื่องที่ ทันจิโร่ และ ผองเพื่อนได้ขึ้นสู่รถไฟเพื่อไปสมทบกับเสาหลักเพลิงคุณเรนโงคุ ที่กำลังเอร็ดอร่อยกับข้าวกล่องอยู่ แต่ในภาคพิเศษจะเริ่มต้นที่ อสูรจอมเชือดออกล่าผู้คน คุณเรนโงคุและผู้ติดตามก็ได้ออกตามสืบ มีฉากการกินอาหารของคุณเรนโงคุเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าเรนโงคุนั้นกินอาหารได้น่าอร่อยจริง ๆ หลังจากช่วยยายหลานจากอสูรจอมเชือด พวกเขาก็จะขึ้นรถไฟเพื่อตามหาอสูรที่ซ่อนตัวอยู่บนรถไฟ และ นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ระหว่างนักล่าอสูร กับเอนมุ อสูรจันทราข้างแรมที่ 1 และอาคาสะ อสูรข้างขึ้นที่ 3
การต่อสู้กับอสูรรถไฟที่เรียกว่าไม่ต้องมีปี่มีขลุ่ยใด ๆ เข้าเรื่องไวมาก (ถึงบอกว่าใครไม่รู้เรื่องมาก่อนมีงงแหง) และ บอกได้เลยว่าอสูรรถไฟเป็นเพียงน้ำจิ้มให้ครึ่งหลังยิ่งมันกระชากวิญญาณยิ่งกว่า ซึ่งฉากการต่อสู้บนรถไฟไอน้ำที่เป็นเวทีหลักของหนังในครั้งนี้เองก็แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น เมื่อปลุกเร้าเหยาะปรุงรสด้วยเหยื่อคนบริสุทธิ์กว่า 200 ชีวิตที่เป็นตัวประกัน แถมด้วยดราม่าขับเน้นงาม ๆ ของฝั่งตัวละครหลัก ตัวละครประกอบที่ล้วนถูกชะตากรรม และ ความชั่วช้าของอสูรล่อลวงอย่างน่าเวทนา ดีไซน์ฝั่งอสูรยังน่าจดจำเสมอ ยิ่งอสูรรถไฟมีพลังสะกดให้หลับควบคุมฝันได้อีกยิ่งปูทางให้ขยี้ปมดราม่าในอดีตได้ด้วย ลงตัวกับการเล่าขยายเรื่องมาก ๆ
เมื่อประกอบกับภาพมุมกล้องเท่ ๆ ลายเส้น และ กราฟิกสวย ๆ และ เพลงประกอบสุดเร้าใจ ในระดับชั้นยอดที่เคยตราตรึงผู้ชมแอนิเมะมาแล้ว นี่คืองานที่ค่าย Ufotable ที่ทำหน้าที่สร้างสรรค์จัดเป็นงานชิ้นโบว์แดงของปีนี้ได้เลย แต่ข้อปัญหาที่พึงสังเกตสำหรับหนังก็คือ สำหรับคนที่อ่านมังงะรู้เรื่องราวล่วงหน้าแล้วนั้น ก็เสียอรรถรสไปมากอยู่เหมือนกันเพราะจะสปอยล์ตัวเองให้ไม่ทันอิ่มกับรสอารมณ์ต่าง ๆ ในช่วงท้าย อีกประการก็เป็นเรื่องที่ว่าเมื่อเส้นเรื่องน้อย (ปราบอสูรบนรถไฟจนสำเร็จเท่านั้น
แล้วใช้แฟลชแบ็กอดีตตัวละครขายเรื่องราวเอา) และ ระดมฉากแอ็กชันเอาใจแฟนมาก ๆ ก็จะเกิดปัญหามากเกินไปที่น่าเบื่อ มันก้มีบางช่วงที่รู้สึกเริ่มชินกับความมันของฉากแอ็กชันต่าง ๆ จนดีกรีความเร้าใจลดลง แม้หนังจะฉลาดในการสลับดราม่ามาแทรกทำร้ายจิตใจเราเป็นระยะก็ตาม ก็เป็นจุดเสียเล็กน้อยที่พอจับได้ โดยอาจไม่นับพวกมุกตลกแบบการ์ตูนญี่ปุ่นที่บางทีก็เบาปัญญาเกินไปสำหรับเด็กโตหรือผู้ใหญ่นะ เพราะพอเข้าใจได้ว่ามีกลุ่มเด็กเล็กเป็นฐานแฟนมากเหมือนกัน ดูหนังใหม่
เป็นอนิเมะที่ดังและครองใจคนดูทุกเพศทุกวัย และตัวผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน สำหรับภาคนี้ก็ต้องบอกว่าประทับใจหลาย ๆ ส่วน ส่วนแรกก็คือเนื้อเรื่อง โดยรวมแต่ละภาคของดาบพิฆาตอสูรจะค่อย ๆ ให้บทตัวละครแต่ละตัวได้เด่นขึ้นมา จะไม่ใช่เด่นทุกบทจนแย่งซีนกันไปหมด
ดั่งเช่นซีซันแรกก็จะให้บทกิยูและทันจิโร่โดดเด่นแบบสุด ๆ ตามด้วยเซนอิทซึ และอิโนะสุเกะ ต่อมาก็เป็นศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ที่ให้บทเสาหลักเพลิงได้โดดเด่นขึ้นมา และต่อจากนี้ในภาคย่านเริงรมย์บทก็จะส่งต่อไปให้ อุซุย เทนเง็น เสาหลักเสียง เรื่องพล็อตเรื่องบทคือต้องปรบมือให้เลยจริง ๆ
นอกจากการส่งบทที่ดีแล้ว ส่วนต่อมาที่ต้องขอชมก็คือ ภาพ และ เอฟเฟกต์ต่าง ๆ เรียกว่าคุณภาพคับถ้วยจริง ๆ ส่วนที่ชอบที่สุดคงหนีไม่พ้นกระบวนท่าของปราณต่าง ๆ โดยเฉพาะปราณเพลิงของคุณเรนโงคุ ที่ให้ความรู้สึกไฟชำระที่ลุกโชน และ เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว แข็งแกร่ง และ ยุติธรรม รวมไปถึงปราณวารี ที่สวย สงบ และสง่างาม ไม่ใช่แค่ฉากต่อสู้ที่ภาพดี บรรดาหน้าตาอาหารที่ขนมาเสิร์ฟในเรื่องนี้ต้องบอกว่าทำเอาท้องร้องทุกครั้งที่ดูเลย นอกจากนี้ดวงตาของเหล่าอสูรงานสวยมาก ๆ โดยเฉพาะดวงตาของเอนมุ สีสวยมาก ๆ เลย ดูหนังฟรี
ส่วนสุดท้ายที่ชอบมาก ๆ ก็คือ ความสนุก และ ความฮา ไม่ได้นึกจะฮาก็ฮาออกมาเฉย ๆ มันมีจังหวะจะโคนที่ตัวละครรับส่งกันได้พอดิบพอดีกัน ไม่ใช่ฮาแบบมุขแป๊ก ๆ ชอบจังหวะฮาในขณะที่กำลังต่อสู้ กำลังลุ้น ๆ เครียด ๆ แล้วพอมีเรื่องขำ ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ มาคั่นก็เป็นอรรถรสที่หลอมรวมกันออกมาดีมาก ๆ ทำให้ฉาก ๆ นั้นสนุกครบรส ถ้าเปรียบอนิเมะเรื่องนี้เป็นอาหาร ก็ถือว่าเป็นอาหารมีครบทุกชาติเลยก็ว่าได้
และใครที่สนใจจะเริ่มติดตามดาบพิฆาตอสูรบ้างแล้ว ก็ต้องขอยั่วน้ำลายว่าจุดเด่นประการสำคัญ อยู่ที่เนื้อหาของดาบพิฆาตอสูรที่เป็นเสน่ห์มาแต่เดิม คือความขัดแย้งที่ไม่น่าเข้ากัน แต่อยู่ด้วยกันแล้วเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่ชวนจดจำ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นที่ดูอ่อนช้อย มุกตลกที่ชวนให้รู้สึกไม่จริงจัง แต่พอเป็นฉากแอ็กชันหรือฉากความรุนแรงก็ดุเข้มมันกระจายแบบไม่น่าเชื่อว่าเป็นหนังเด็กดู
ในขณะที่การออกแบบตัวละครต่าง ๆ ก็ดูประหลาด บางทีก็แฟนซีจนล่องลอยไร้สาระ ทว่าพอจับดราม่าก็กระแทกกระทั้นหัวใจ ทำน้ำตาไหลได้ไม่รู้ตัว เป็นผลงานที่ฉลาดในการจับอารมณ์คนดูได้เก่งมาก ทั้งหมดต้องชื่นชมไปตั้งแต่อาจารย์ โคโยฮารุ โกโตเกะ ที่เขียนฉบับมังงะ จนถึงค่าย Ufotable ที่จับความพิเศษมาสานต่อบนภาพเคลื่อนไหวได้กันเลยทีเดียว ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่
โดยสรุป คงบอกได้ว่า Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train เป็นหนังแอนิเมะขนาดยาวร่วม 2 ชั่วโมงที่กลั่นแน่นไปด้วยอารมณ์ทั้งมัน ทั้งขำ ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ทั้งน้ำตาไหล เส้นเรื่องอาจไม่ได้ขยับขยายการรับรู้เดิมไปได้ไกลมากนัก แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญชนิดที่ว่าจะดูแอนิเมะซีรีส์ซีซันต่อไปไม่รู้เรื่องได้เลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับแฟนคลับแล้วจัดเป็น Must See อย่างช่วยไม่ได้ แต่หากใครหวังจะมาทำความรู้จักเอาครั้งแรกจากหนังเรื่องนี้คงขอเตือนว่าจะเป็นแผลใจไปเสียเปล่า ๆ และแน่นอนแม้แอนิเมะและมังงะจะเป็นขวัญใจเด็กเล็กเด็กโตส่วนใหญ่ ทว่าด้วยความรุนแรงด้านภาพ และ เนื้อหาที่หนักพอสมควร ก็คงต้องเตือนผู้ปกครองที่มีเด็กเล็กว่าอาจต้องนั่งประกบดูไปด้วยกันเพื่อแนะนำน้อง ๆ ด้วยนั่นเอง